ได้จบลงกันไปแล้วสำหรับ ฟุตบอลรอบคัดเลือก เหล่ามหาอำนาจในวงการลูกหนัง จากการเข้าร่วมทั้งหมด 24 ทีม ให้เหลือเพียง 20 ทีมเท่านั้น โดยในรอบคัดเลือกจบลงไปเมื่อวันที่ 19 พ.ย. ที่ผ่านมา เหล่าชาติมหาอำนาจในวงการลูกหนังไม่ว่าจะเป็น อังกฤษ เบลเยียม ฝรั่งเศสและเยอรมนี ต่างเข้ารอบไปเช่นกัน รวมถึงรอบเพลออฟที่ต้องคัดอีก 4 ทีมเข้าไปด้วย
ทีมที่ผ่านเข้าสู่ ยูโร 2020 โดยอัตโนมัติ
จำนวนทั้งหมด 20 ทีม โดยคัดเลือกมาจาก 2 ทีมหัวตารางของทั้งหมด 10 กลุ่มที่คัดเลือกกัน – ทีมเหล่านี้จะผ่านเข้าไปเล่นยูโร 2020 ทันที
กลุ่ม A
ทีมชาติอังกฤษผ่านเข้ารอบอย่างเป็นทางการในนัดถล่มมอนเตรนิโกรยับเยิน 7-0 ในเกมนัดรองสุดท้าย ขณะที่สาธารณรัฐเช็ก ผ่านเข้ารอบตามไปด้วยการเบียดโคโซโว 2-1 ในแมตช์เดย์เดียวกัน
กลุ่ม B
กลุ่มนี้ตั๋วใบแรกตกเป็นของทีมชาติยูเครนหลังเอาชนะทีมชาติโปรตุเกสที่เข้ารอบอัตโนมัติด้วยการเป็นแชมป์เนชั่นส์ ลีกไป 2-1 เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม ตามมาด้วยรองจ่าฝูงอย่างทัพฝอยทอง จากเกมสุดท้ายที่เอาชนะลักซ์เซมเบิร์ก 2-0 พร้อมด้วยประตูในนามทีมชาติลูกที่ 99 ของคริสเตียโน่ โรนัลโด้
กลุ่ม C
เยอรมันและเนเธอร์แลนด์กอดคอเข้ารอบไปพร้อมกันเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน สูสีขนาดต้องวัดว่าใครจะเป็นจ่าฝูงกลุ่มจนถึงสุดท้าย
กลุ่ม D
สวิตเซอร์แลนด์ผ่านเข้ารอบอย่างงดงามในเกมนัดสุดท้ายถล่มยิบรอลตาร์ 6-1 ขณะที่เดนมาร์กก็มาตามนัดเสมอกับไอร์แลนด์ในเกมนัดสุดท้าย
กลุ่ม E
ทีมตราหมากรุก ทีมชาติโครเอเชียคว้าตั๋วไปยูโร 2020 เมื่อ 4 วันก่อน ในเกมที่พวกเข้าโชว์ฟอร์มแจ่มอัดสโลวาเกีย 3-1 ส่วนเวลส์ต้องลุ้นถึงนัดสุดท้าย สามารถเอาชนะฮังการีได้ไปได้ 2-0 จากการซัดเบิ้ลของอารอน แรมซี่ ช่วยลูกทีมของกิ๊กส์ผ่านเข้ารอบเป็นทีมสุดท้ายของรอบคัดเลือก
กลุ่ม F
สเปนคือทีมที่ 6 ทีทะลุเข้ารอบได้สำเร็จหลังเจ๊าสวีเดนเมื่อเดือนตุลาคม ส่วนสวีเดนเองผ่านเข้ารอบตามไปในเดือนถัดมา ในเกมปิดบัญชีโรมาเนีย 2-0
กลุ่ม G
โปแลนด์เป็นทีมที่แข็งแกร่งตามคาด เอาชนะมาซิโดเนียเหนือ 2-0 ผ่านเข้ารอบไปก่อนตั้งแต่ตุลาคม ขณะที่ออสเตรียก็ผ่านรอบคัดเลือกมาได้ด้วยการเอาชนะคู่แข่งเดียวกันในเดือนต่อมา
กลุ่ม H
ตุรกีเป็นทีมแรกที่ผ่านเข้ารอบออกไปจากกลุ่มเอชได้สำเร็จ หลังคว้า 1 แต้มจากไอซ์แลนด์ และจากผลของคู่นี้เองก็เพียงพอที่จะส่งฝรั่งเศสไปสู่รอบสุดท้ายเช่นกัน
กลุ่ม I
กลุ่มนี้รู้ผลกันค่อนข้างไว เบลเยี่ยมเป็นทีมแรกที่ผ่านเข้าไปเล่นในยูโร 2020 ในเกมที่พวกเขาเอาชนะ ซาน มาริโนได้ตั้งแต่ช่วงต้นเดือนก่อน ขณะที่รัสเซียเองก็ตามมาติดๆ หลังบุกไปเอาชนะไซปรัส ในอีกไม่กี่วันถัดมา
กลุ่ม J
ทัพอัซซูรี่คือทีมที่สองที่ผ่านเข้าไปรอบสุดท้ายได้สำเร็จ หลังลูกทีมของมันชินี่กดกรีซ 2-0 ได้เมื่อวันที่12 ตุลาคม ตั๋วอีกใบตกเป็นของฟินแลนด์ที่ถล่ม ลิทช์เทนสไตน์ไป 3-0 เมื่อกลางเดือนพฤศจิกายน พร้อมเป็นการผ่านเข้าไปชิงแชมป์ยุโรปเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของพวกเขาอีกด้วย
นอกเหนือจาก 20 ทีมแรกที่ทะลุเข้าไปด้วยการจบสองอันดับแรกของกลุ่มแล้ว ก็ยังคงเหลือตั๋วอีก 4 ใบให้ได้เพลออฟกันแย่งชิงกัน โดย 4 ตำแหน่ง ที่เหลือจะเป็นการเตะในรอบเพลย์ออฟ แข่งขันในเดือนมีนาคมปีหน้า คัดจาก 16 ทีมที่มีผลงานดีสุดในรายการยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก และไม่ได้อยู่ใน 20 ทีมที่ผ่านรอบคัดเลือกยูโร 2020 โดยอัตโนมัติ สำหรับรอบเพลย์ออฟจะแบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม กลุ่มละ 4 ทีม จับสลากประกบคู่รอบรอง แข่ง 2 นัดเหย้า-เยือน ผู้ชนะไปเจอกันในรอบชิงชนะเลิศ และทีมชนะเลิศของทั้ง 4 กลุ่มจะคว้าตั๋ว 4 ใบสุดท้ายไปลุยยูโร 2020 ทันที
รายชื่อ 16 ทีมที่จะต้องไปลุ้นกันต่อในช่วงเพลย์ออฟ ประกอบด้วย
กลุ่มเอ: ไอซ์แลนด์,(รอคอนเฟิร์ม),(รอคอนเฟิร์ม),(รอคอนเฟิร์ม),
กลุ่มบี : บอสเนีย แอนด์ เฮอร์เซโกวีน่า, สโลวาเกีย, ไอร์แลนด์, ไอร์แลนด์เหนือ
กลุ่มซี : สกอตแลนด์, นอร์เวย์, เซอร์เบีย,(รอคอนเฟิร์ม),
กลุ่ม ดี : จอร์เจีย, นอร์ธ มาซิโดเนีย, โคโซโว และ เบลารุส
*บัลแกเรีย, อิสราเอล, ฮังการี, โรมาเนีย ผ่านเข้าไปเล่นรอบเพลออฟแล้ว แต่ยังไม่คอนเฟิร์มว่าจะอยู่กลุ่มไหน