บรรดานักวิจารณ์บอล ทั่วยุโรปต่างพากันพูดถึงผลงานของ”ไอ้ปืนใหญ่” อาร์เซน่อล แชมป์เอฟเอ คัพ ฤดูกาล 2016-2017 ที่ผ่านมา แต่กลับล้มเหลวกับพรีเมียร์ลีกที่ไม่สามารถคว้าแชมป์ลีกสูงสุดได้เป็นปีที่ 13 ติดต่อกัน แถมเป็นปีแรกของอาร์แซน แวงแกร์ ที่ไม่สามารถพาอาร์เซนอลไปเล่นฟุตบอลศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ได้ แถมยังทำอันดับต่ำกว่าคู่ปรับตลอดกาลอย่าง สเปอร์เป็นครั้งแรกในรอบ 22 ปี อีกด้วย
อาร์เซนอลทีมที่เป็นคู่ปรับของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดในยุคปลายทศวรรษที่ 1990 ถึง ปี 2004 ที่พวกเขาได้แชมป์พรีเมียร์ลีกครั้งสุดท้าย จากนั้นก็เป็นช่วงที่ร้างแชมป์ไปนานพอสมควร จนเป็นที่ล้อของแฟนบอลทีมคู่แข่งว่าเป็นที่ 4 ตลอด นักเตะเหล่านี้แหละจะพาทีมกลับมาสู่ความสำเร็จ แต่จนแล้วจนรอดพวกเขาก็ยังไม่สามารถกลับมายิ่งใหญ่ได้อีก เนื่องจากปัญหาเดิมของพวกเขา พอฤดูกาลร่วมไปสักพัก เริ่มมีนักเตะบาดเจ็บ นำทีมโดย โทมัส โรซิคกี้ เจ้าของโรงพยาบาล อาร์บู ดิอาบี้ คนไข้ประจำที่เจ็บจนต้องยอมปล่อยออกจากทีม เหล่านักเตะที่สลับกันเจ็บทั้ง ทีโอ วอร์คอต, แจ็ค วิลแขร์, อเล็ก อ็อกเหล็ด แชมเบอร์เลน, แดนนี่ เวลเบค ที่ล้วนเป็นนักเตะแนวรุก ทำให้การยิงประตูที่อาร์เซนอล เคยทำได้เป็นกอบเป็นกำหาย ผลบอลที่อาร์เซน่อลทำได้เพียงเสมอเป็นเสมอมาก จึงทำให้ปืนใหญ่ต้องหลุดวงโคจรลุ้นแชมป์ออกไปทุกปี
ด้านการซื้อ-ขายนักเตะในช่วงที่ผ่านมาถือว่าขัดใจแฟนบอลเป็นอย่างมาก หลังจากไร้แชมป์มานาน พวกเขาก็ไม่สามารถรั้งนักเตะหลักๆ เอาไว้กับทีมได้ ไม่ว่าจะเป็น เทียร์รี่ อองรี, เชส ฟาเบรกัส, ซาเมียร์ นาสรี่, โรบิน ฟาน เพอซี่, โทมัส แฟร์มาเล่น ฯลฯ แต่หลังจากนั้น พวกเขาสามารถเซนต์สัญญาคว้าดาวดังมาร่วมทีมเช่น อเล็กซิส ซานเชช, เมซุส โอซิล, ปีเตอร์ เช็ก และ กรานิค ชาก้า เข้าเสริมทีมจนทำให้แฟนบอลมีความหวังอีกครั้ง แถมล่าสุด การคว้า อเล็กซองดร์ ลากาแซตต์ ดาวยิงทีมชาติฝรั่งเศสมาเป็นกองหน้าตัวความหวังใหม่ คงต้องรอติดตามกันว่า เจ๊ แวงเกอร์ จะจัดทีมในรูปแบบใด และพวกเขาจะคว้าใครเข้ามาร่วมทีมได้อีกหรือไม่ และจะทำให้ ไอ้ปืนใหญ่ กลับมาทวงความยิ่งใหญ่บนเวทีพรีเมียร์ลีกได้ดีขนาดไหน
